รีวิว ชิลๆกับสองวัดหนึ่งกินในกรุงเทพ
สวัสดีเพื่อนมนุษย์ทุกคน วันนี้เราจะมาแนะนำสถานทีท่องเที่ยวทางศาสนาที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือฝรั่งตาน้ำข้าวทั้งหลาย โอเคเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลย
วัดพระศรีรัตนศาสดารามวัดพระแก้ว
วัดแรก คือ วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือที่รู้จักกันในชื่อของวัดพระแก้วอยู่ในเขตพระราชวัง เป็นวัดที่ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติต่างต้องการที่จะเห็นความงดงามที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย วัดพระแก้วถือเป็นสิ่งที่ทำให้ต่างชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเพณีขนบธรรมเนียบต่างๆ เพราะทางสำนักราชวังได้กำหนดข้อระเบียบขึ้นเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและเหมาะสมในการเข้าชมพระราชวังและวัดพระแก้ว
ในวันนั้นที่เราได้ไป เป็นวันที่โชคร้ายมากจริงๆเพราะในเขตพระราชวังมีงานบางอย่างที่ห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าไปและพระราชวังจะเปิดอีกในเวลา บ่ายสามโมง ซึ่งเรารอไม่ได้แล้ว ในตอนนั้นก็ได้แต่ยืนดูความสวยงามของพระราชวังและวัดพระแก้วอยู่ข้างนอกอย่างเดียวเลย แต่ขนาดเห็นข้างนอกยังสวยอย่างบอกไม่ถูกเลย เหมือนกันว่าเราหลุดเข้าไปในสมัยอยุธยาตอนนั้น พื้นที่ของพระราชวังและวัดพระแก้วกว้างใหญ่มาก
เราว่าถ้าเดินครบหนึ่งรอบนี่น้ำหนักต้องลงแน่ๆเลย และบริเวณหน้าประตูทางเข้าใหญ่นั้นก็จะมีทหารม้า ไม่แน่ใจว่าจะใช้ทหารรักษาพระองค์หรือเปล่านะ แต่งตัวเต็มยศนั่งบนหลังม้า คอยถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว สามารถไปถ่ายไว้อวดเพื่อนได้เลยไม่เสียค่าใช่จ่ายใดๆและใกล้ๆนั้นน่าจะอยู่ทางขวามือ เป็นศาลหลักเมืองกรุงเทพ ที่มีอายุมายาวนานสร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เลยนะ สร้างขึ้นเพื่อเป็นศิริมงคลแก่บ้านเมือง และสามารถเข้าไปกราบไหว้ได้ตามศรัทธาเลยจ้ะ
ไปต่อกันที่วัดที่สองที่เราไปกันเลยจ้ะ วัดนี้อยู่ใกล้ๆกับวัดพระแก้ว เดินมาเรื่อยๆก็ถึงนะแต่ก็เหนื่อยอยู่แหละ และรวมกับแดดอันร้อนแรงของเมืองไทยแล้วคือการอาบแดดดีๆนี่เองจ้ะ ไหนๆลองทายกันสิว่าเป็นวัดอะไร โอเคเนอะวัดที่เราไปกันก็คือ
และนอกจากนั้นยังเป็นวัดประจำรัชกาลอีกด้วนเพื่อนๆรู้กันไหมว่าวัดนี้เป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์ใด เฉลยนะ วัดพระเชตุพลเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่หนึ่ง เป็นวัดที่คนเยอะมากไม่แพ้กันเลยจริงๆ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างมากราบไหว้ขอพนเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง เพื่อนรู้ไหมว่าเกือบไม่ได้เข้าไปแล้วเพราะอะไรน่ะหรอหาทางเข้าไม่เจอ อันนี้ต้องระวังด้วยนะ ถามคนแถวนั้นดูก็ได้ว่าทางเข้าอยู่ทางไหนจะได้ไม่เสียเวลาเดิน พอเข้าไปในวัด เพื่อไปไหว้พระนอน เจ้าหน้าที่จะแจกถุงพลาสติกใส่รองเท้าและให้หิ้วเข้าไปด้วยเพื่อป้องกันรองเท้าหายจ้ะ เป็นอะไรที่แปลกและงงมากเพราะอยู่บ้านเราเข้าวัดไม่เห็นจะต้องเอารองเท้าใส่ถุงเลย อันนี้ก็ถือเป็นสีสันในการเดินทางนะ จริงๆ
ในบริเวณของวัดจะเต็มไปด้วยพระพุทธรูปมากมายและเจดีย์อันงดงาม และช่วงนั้นเป็นช่วงละครบุพเพสันนิวาดเนอะก็จะเจอคนแต่งชุดไทยไปถ่ายรูปกันมากโขเลยแหละ ชาวต่างชาติทั้งหลายต่างงงกันเป็นไก่ตาแตกเลยจ้ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นนี่แฟชั่นของคนไทยหรือ การไปวัดในครั้งนี้เหมือนเราย้อนกลับไปฝนสมัยอยุธยาก็ว่าได้ ถือว่าเด็ดจริงๆ
ละเมื่อเข้าวัดทำบุญขอพร ทำให้จิตใจสงบขึ้นแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ ของหวานๆอร่อยๆ กันเลยเนอะ ร้านที่อยากแนะนำที่อยู่ไม่ใกล้จากบริเวณนั้นก็คือร้านมนต์นมสดเป็นร้านขนมปังปิ้งที่ราดด้วยใส่ต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นหน้าสังขยา หน้าเนยข้าวโพด หรือจะเป็นหน้าช็อคโกแลตก็มีนะ และยังมีอีกหลายหน้ามากที่รอคนไปชิมอยุ๋นะจ้ะ
และร้านนี้ยังมีเครื่องดื่มเย็นประเภทชากาแฟที่กินตัดหวานกับขนมปังเข้ากันมากจริงๆ ส่วนเรื่องของราคาร้านนี้ไม่ผิดหวังนะเพราะ ราคาไม่สูงอยู่ในช่วงของราคาที่ย้อมเยาเลยแหละขนมปังแผ่นละประมาณ ยี่สิบห้าถึงสามสิบ แต่ถ้าเปรียบกับรสชาติแล้วต่างกันสุดๆ ร้านนี้อยู่ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เดินเข้าซอยมาหน่อยก็เจอล่ะอยู๋ใกล้ๆกับวัดสุทัศน์หรือเสาชิงช้านั่นเอง
ส่วนการเดินทาง ของเรานะ
เรานั่งรถ ปอ ยี่สิบเก้า จากรังสิตไปลงอนุสาวรีย์ และต่อ รถเมล์สาย ห้าเก้า ไปลงสนามหลวง และนอกนั้นเราก็ใช้วิธีการเดินทั้งหมดเลย
เป็นการชมบรรยากาศของใจกลางกรุงเทพไปในตัว และยังได้บริหารกล้ามเนื้อขาด้วยนะตัว ราคาค่ารถทั้งหมดไปเกิน หนึ่งร้อยบาทแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น